หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
FSS
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic, Defensive and Dividend Play//Accumulate on Dip
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบกว้างพอสมควรตามคาดและปิดลบ 4.32 จุดโดยยังมีความผันผวนค่อนข้างสูงจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ยังกดดัน ประกอบกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าคาด อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิวันแรกในรอบ 7 วันทำการเกือบ 1 พันลบ. (แต่ยัง Short Index Future 3.4 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศพลิกมาขายาสุทธิเล็กน้อย 488 ลบ. 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งตัว Sideways ในกรอบกว้างโดยระยะสั้นมีโอกาสเกิด Technical Rebound ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,670-1,675 จุดได้ตามตลาดหุ้นทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัวหลัง Bond Yield สหรัฐฯเริ่มดีขึ้นทำให้นักลงทุนคลายกังวลเรื่อง Recession อย่างไรก็ตามเรายังคาดกรอบการบวกของดัชนีระยะนี้จะยังไม่กว้างเนื่องจากยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าที่ยังลากยาวโดยจะกลับมาเจรจากันอีกครั้งในเดือนหน้า ขณะที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q19 ของบ้านเราโดยรวมไม่ได้สดใส จึงยังเน้นเลือกเก็งกำไรเป็นรายตัวและรอจังหวะอ่อนตัวของดัชนีเข้าหาแนวรับบริเวณ 1,650 จุดเป็นจุดในการทยอยสะสมเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาวโดยยังเน้น Domestic Play เป็นหลัก
          กลยุทธ์ : ยังเน้นเก็งกำไรหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานบริเวณ 1,650 จุด
          หุ้นเด่นเดือน ส.ค. :  AMATA, BCH, MINT, SAPPE, SISB
 
หุ้นเด่นวันนี้: EPG
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท 
          - กำไรดีกว่าเราและตลาดคาด หากตัดรายการพิเศษ (fx loss และกำไรขายที่ดินของบริษัทที่เกี่ยวข้อง) เป็นกำไรปกติ 240 ลบ. +44% Q-Q (ฟื้น Q-Q เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส), -12% Y-Y ตอกย้ำว่าบริษัทผ่าน bottom แล้ว   
          - ธุรกิจ EPP ทำได้น่าประทับใจ แม้รายได้ทรงๆ แต่การปรับ product mix และต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ลดลงทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงที่สุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ 18.9% แนวโน้มฟื้นต่อ ราคาวัตถุดิบถูกลง EPP มาถูกทาง กำลังซื้อค่อยๆฟื้น บาทชะลอการแข็งค่า ชดเชยผลขาดทุนของบ.ร่วมได้    
          Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มเดือนส.ค.ที่ US$17ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$99ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$30ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$124ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางงผันผวน เนื่องจากยังมีประเด็นติดตามโดยเฉพาะค่าเงิน อัตราดอกเบี้ยและการเจรจาทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (+) GFPT กำไรสดใสตามคาด 342 ลบ. +50% Q-Q, +61% Y-Y แม้ส่งออกไปญี่ปุ่นและยุโรปลดลง แต่ชดเชยได้ด้วยตลาดจีน ราคาไก่ในประเทศเพิ่มเป็น 35.7 บ/กก. ต้นทุนอาหารสัตว์ลด แนวโน้ม 2H19 ดีขึ้นเพราะ high season ราคาไก่ปัจจุบันทรงตัวในระดับที่มีกำไร เฉลี่ย 3QTD 37 บ/กก. เราคงประมาณการและราคาเป้าหมายที่ 17 บาท แนะเก็งกำไรโดยต้องติดตามจีนจะเข้ามาตรวจโรงงานไก่ส่งออกของไทย ก.ย.-ต.ค.นี้ ความเสี่ยงคือ supply กำลังเพิ่ม
          (+) CBG กำไรดีกว่าคาดมาก อยู่ที่ 552 ลบ. +31% Q-Q, +163% Y-Y กำไรปกติ 561 ลบ. +34% Q-Q, +167% Y-Y สูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯ จากการลดรายจ่ายใน UK ราคาวัตถุดิบลดลง รง.กระป๋องแห่งใหม่มีประสิทธิภาพมากขึ้น กำไร 1H19 +151% Y-Y เป็น 56% ของประมาณการทั้งปี เรามีแนวโน้มปรับกำไรปีนี้ขึ้น 20% เป็น 2.1 พันลบ. ปรับเป้าขึ้นเป็น 75 บาท (PE 35x) เต็มมูลค่าแล้วแนะขาย 
          (-) ZEN กำไรต่ำกว่าคาด น่าผิดหวัง ทำได้ 33 ลบ. +3% Q-Q, -30% Y-Y ทั้งที่เปิดสาขาเพิ่ม 22 แห่ง SSSG -1.3% Y-Y ต้นทุนอาหารและเครื่องดื่มและรายจ่ายพนักงานสูงขึ้น กำไร 1H19 +7% Y-Y กำไรปีนี้ที่เราคาด +26% Y-Y และราคาเป้าหมาย 15 บาท มี downside ลดคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ     
          (-) TVO กำไรไม่สดใส 280 ลบ. -22% Q-Q, -52% Y-Y กำไรปกติ 305 ลบ. -11% Q-Q, -44% Y-Y เพราะราคาขายกากและน้ำมันถั่วเหลืองลดลง และต้นทุนสูงขึ้น กำไร 1H19 -39% Y-Y คิดเป็น 43% ของทั้งปี ราคาถั่วเหลืองผันผวนมากเพราะสงครามการค้า เราคงเป้า 26 บาท ราคาหุ้นเต็มมูลค่าปีนี้แล้ว แนะนำขาย
          (-) BH กำไรต่ำกว่าคาด อยู่ที่ 725 ลบ. -33% Q-Q, -25%% Y-Y กำไรปกติ 842 ลบ. -22% Q-Q, -13% Y-Y ต้นทุนและค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้นมาก อัตรากำไรขั้นต้นลดเหลือเพียง 43.7% จากปกติที่ 45-46% กำไร 1H19 -6% Y-Y คิดเป็น 44% ของประมาณการทั้งปี เราปรับลดประมาณการกำไรลง 8% เป็นหดตัว -5.6% Y-Y ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 160 บาท แนะ switch เป็น BCH (เป้า 21 บาท) 
 
          (+) ตลาดดาวโจนส์ ปรับขึ้น 371.12 จุด ปิดที่ 26,378.19 จุด หนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างสหรัฐ-จีน หลังจากจีนกำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนในระดับสูงกว่าการตลาดคาด
          (+) ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก รับปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขการส่งออกของจีนที่เพิ่มขึ้นดีกว่าคาด และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุด
          (+) ตลาดเอเชียปรับขึ้น ตอบรับตัวเลขการส่งออกของจีนที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของจีน
          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อย ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.72 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.45 ดอลลาร์ ปิดที่ 52.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางการคาดการณ์ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) อาจปรับลดกำลังการผลิตลง
          (-) ราคาทองคำ COMEX ลดลง 10.10 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,509.50 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการลดการถือครองสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และเข้าซื้อสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังดัชนีดาวโจนส์ปรับขึ้น
 
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 839.85 / -5.57 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ส.ค.   - ญี่ปุ่น: 2Q19 GDP
         - จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
13 ส.ค.  - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations
         - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
14 ส.ค.  - ยูโรโซน: 2Q19 GDP
15 ส.ค.  - ไทย: วันสุดท้ายของการส่งงบการเงินให้ตลาดฯ
         - อินโดนีเซีย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ค.)
         - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.) 
16 ส.ค.  - ฮ่องกง: 2Q19 GDP
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 
 
 
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!