หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
FSS
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน
 
กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic, Defensive and Dividend Play//Accumulate on Dip
          ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นภูมิภาคในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแรงขายออกมาต่อเนื่องและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบแรงถึง 14.52 จุดทดสอบระดับ 1,650 จุดอีกครั้ง นักลงทุนต่างชาติพลิกมาขายสุทธิราว 2 พันลบ. (แต่พลิกมา Long Index Future 3.9 พันสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศไม่มีสถานะชัดเจน 
          แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะยังแกว่งผันผวนในกรอบกว้างโดยยังคงถูกกดดันจากประเด็นเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ล่าสุด Bond Yield 10Y-2Y ของสหรัฐฯเริ่มกลับมาแคบลงทำให้ความกังวลเรื่องโอกาสเกิด Recession กลับมากดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรายังประเมิน Downside ของ SET Index จะเริ่มจำกัดจาก Valuation ที่เริ่มน่าสนใจโดย Earning Yield Gap ปัจจุบันอยู่ที่ราว 4.8% ซึ่งใกล้กรอบบนที่ประมาณ 5% ซึ่งมักจะเกิดการกลับตัว โดยยังมองจังหวะอ่อนตัวของดัชนีเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐานเพื่อถือลงทุนระยะกลาง-ยาวโดยยังเน้น Domestic Play เป็นหลักและคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลในระยะถัดไป
          กลยุทธ์ : ยังเน้นเก็งกำไรหุ้น Domestic Defensive และ Dividend Play//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงดัชนีปรับฐาน
          หุ้นเด่นเดือน ส.ค. :  AMATA, BCH, MINT, SAPPE, SISB
         
หุ้นเด่นวันนี้: SISB
          - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท 
          - จะประกาศงบวันที่ 14 ส.ค. เป็นกำไรที่แข็งแกร่งสวนตลาด เราคาดทำ new high ที่ 51 ลบ. +21% Q-Q, +147% Y-Y จากจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นราว 70 คน แต่ต้นทุนครูและบุคลากรอื่นไม่ได้เพิ่มเป็นสัดส่วนเท่ากัน ทำให้คาด Net margin เพิ่มเป็น 18% จากไตรมาสก่อนที่อยู่ที่ 15.8%
          - Utilization rate อยู่ทื 60% ต้นๆ รองรับนักเรียนได้อีกมาก ขณะที่ High season จะอยู่ใน 2H เพราะเปิดภาคการศึกษาใหม่เดือน ส.ค. กำไรจะเร่งขึ้นในครึ่งปีหลัง    
          Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$164ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$85ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$66ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$5ล้าน ส่วนวานนี้ซึ่งตลาดหุ้นไทยปิดทำการ กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$194ล้าน ส่วนใหญ่ไหลออกจากไต้หวัน US$142 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค จากความกังวลต่อผลกระทบของมาตรการทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ และสถานการณ์การชุมนุมที่ฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น
 
ประเด็นสำคัญวันนี้
          (+) EA กำไรปกติทำ new high ตามคาด 1.34 พันลบ. +18% Q-Q, +35% Y-Y หลังจากโรงไฟฟ้าลมส่วนที่เหลือ 60 MW เข้ามาครบ กำไรครึ่งปี +22% Y-Y เป็น 42% ของกำไรทั้งปีที่คาดโต 21% ปีหน้าหนุนจากรถยนต์ไฟฟ้าจะเริ่มส่งมอบต้นปี รง.แบตเตอรี่สร้างเสร็จสิ้นปีนี้ ขาย 2Q20 แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 62 บาท
          (0) BEM กำไรสุทธิที่สูงถึง 3.1 พันลบ. มาจากกำไรขาย TTW และเปลี่ยนประเภทเงินลงทุนจากบ.ร่วมเป็นหลักทรัพย์เผื่อขาย ส่วนกำไรปกติอยู่ที่ 704 ลบ. -15% Q-Q, -11% Y-Y ต่ำกว่าเราและตลาดคาดกว่า 10% เพราะอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่าคาด กำไรปกติ 1H19 -6% Y-Y คิดเป็น 42% ของกำไรทั้งปี ใน 2H19 มีปัจจัยบวกจากการเปิดรถไฟฟ้าสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย คงราคาเป้าหมาย 11.70 บาท ซื้ออ่อนตัว   
          (0) CPALL กำไรปกติ 5.38 พันลบ. -7% Q-Q, +13% Y-Y ดีตามคาด โดย SSSG +3.7% Y-Y เปิดสาขาถึง 229 แห่ง และทำ product mix ดีมากทำให้อัตรากำไรขั้นต้นดีกลบกำไรของ MAKRO ที่ลดลงได้ กำไรปกติครึ่งปี +17% Y-Y เป็น 50% ของกำไรทั้งปีที่คาดโต 15% คงราคาเป้าหมาย 90 บาท upside จำกัด แนะนำถือ
          (0) HANA ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ เป็นกำไรปกติ 464 ลบ. +143% Q-Q เพราะแรงกดดันของค่าเงินน้อยลง แต่รายได้ยังไม่ฟื้น และ -8% Y-Y กำไรปกติ 1H19 -25% Y-Y เหลือ 665 ลบ. คิดเป็น 44% ของกำไรทั้งปีที่เราคาด -37% Y-Y ปัญหาสงครามการค้าอาจกระทบคำสั่งซื้อในครึ่งปีหลัง ชะลอการลงทุนเหมือนเดิม
          (0) SVI กำไรปกติ 136 ลบ. ตามคาด +216% Q-Q เพราะค่าเงินลดแรงกดดัน, -34% Y-Y เพราะมีสต็อกราคาแพง กำไรปกติ 1H19 -37% Y-Y เป็น 180 ลบ. SVI ไม่ถูกกระทบจากสงครามการค้า แต่ถูกกระทบจากบาทแข็ง เราเตรียมปรับกำไรและราคาเป้าหมายลงเป็น 4.40 บาท จาก 5 บาท แนะนำซื้อ หวังการฟื้นตัวใน 2H19 
 
          (-) ตลาดดาวโจนส์ ปรับลง 389.73 จุด ปิดที่ 25,897.71 จุด ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงการชุมนุมประท้วงในฮ่องกง
          (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความกังวลต่อสงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐ-จีน
          (-) ตลาดเอเชียปรับลง ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกง
          (-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 30.80 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ 
          (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 54.93 ดอลลาร์/บาร์เรล หนุนจากคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกอาจเพิ่มการปรับลดกำลังการผลิต รวมถึงการลดแท่นขุดเจาะน้ำมันติดต่อกันสัปดาห์ที่ 6  
          (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 8.7 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,517.20 ดอลลาร์/ออนซ์ ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย และการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
 
          SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 847.77 / +7.92 ตัน
 
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
13 ส.ค.   - ยูโรโซน: ZEW Survey Expectations
          - สหรัฐ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
14 ส.ค.   - ยูโรโซน: 2Q19 GDP
15 ส.ค.   - ไทย: วันสุดท้ายของการส่งงบการเงินให้ตลาดฯ
          - อินโดนีเซีย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ค.)
          - สหรัฐ: ยอดค้าปลีก (ก.ค.) 
16 ส.ค.   - ฮ่องกง: 2Q19 GDP
19 ส.ค.   - ไทย: GDP 2Q19, ยอดขายรถ (ก.ค.)
21 ส.ค.   - ไทย: ส่งออก-นำเข้า (ก.ค.)
 
          Contact person : Jitra  Amornthum  Register : 014530
          Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077
          www.fnsyrus.com
          FB: Finansia Syrus Research
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!