หมวดหมู่: ตลาดหลักทรัพย์

ภาวะตลาดหุ้นไทย : ปิดบวก 9.83 จุด รับกระแสจากภูมิภาคหลังแบงก์จีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย

  ตลาดหลักทรัพย์ ดัชนี ปิดเช้านี้ที่ 1,589.03 จุด เพิ่มขึ้น 9.83 จุด ซื้อขาย 24,775.45 ล้านบาท

   การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,590.17 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าอยู่ที่ระดับ 1,584.54 จุด

   นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ค่อนข้างดี เพียงแต่ไม่มีแรงหนุนอย่างต่อเนื่อง โดยรับกระแสจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างอยู่ในแดนบวกกันถ้วนหน้า หลังจากธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย

   ด้านยุโรปก็พร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้เงินเฟ้อดีขึ้นมาจากที่ปัจจุบันอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ดังนั้นจึงคาดว่าจะมีการออกมาตรการกระตุ้นชุดใหม่ออกมา

    นอกจากนี้ ตลาดฯมักจะได้แรงซื้อเพิ่มเข้ามาหลังจากจบงาน Set in the City และในช่วงปลายปีมักจะได้แรงหนุนจากกองทุน LTF, RMF ด้วย

    "ตอนนี้ตลาดฯมีการเทรดที่มาจากนักลงทุนรายย่อยเป็นสำคัญ ดังนั้นเมื่อหุ้นปรับตัวขึ้นไปก็แรงขายออกมา ทำให้การขึ้นจึงไม่ต่อเนื่อง"

   แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายประกิต กล่าวว่า ตลาดฯคงจะประคองตัวในแดนบวกต่อไปได้ พร้อมให้แนวรับ 1,578-1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,597 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

                VPO    มูลค่าการซื้อขาย 1,607.55 ล้านบาท ปิดที่   3.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.72 บาท

                ITD    มูลค่าการซื้อขาย 1,436.04 ล้านบาท ปิดที่   7.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

                JAS    มูลค่าการซื้อขาย   983.85 ล้านบาท ปิดที่   7.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

                CK     มูลค่าการซื้อขาย   957.50 ล้านบาท ปิดที่  27.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

                KTB    มูลค่าการซื้อขาย   795.80 ล้านบาท ปิดที่  24.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ภาวะตลาดหุ้นไทย : แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นตามตลาด ตปท.หลัง Surprise จีนลดดอกเบี้ย

      นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่ได้อยู่ในแดนบวก เนื่องจาก Suprise ที่จีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตรงนี้ได้ส่งผลต่อตลาดสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปแล้ว

       ส่วนบ้านเราก็มีความเสี่ยงเพียงอย่างเดียวในเรื่องที่ตลาดฯค่อนข้างแพงไปแล้ว เทรด P/Eเกือบ 17 เท่า ดังนั้นเมื่อดัชนีฯใกล้ระดับ 1,600 จุด อาจเจอแรงขายทำกำไรออกมา

      พร้อมให้แนวรับ 1,570 จุด ส่วนแนวต้าน 1,585-1,600 จุด

     ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :

        - ตลาดหุ้นนิวยอร์คล่าสุด(21 พ.ย.)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,810.06 จุด เพิ่มขึ้น 91.06 จุด(+0.51%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,712.97 จุด เพิ่มขึ้น 11.10 จุด(+0.24%),ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,063.50 จุด เพิ่มขึ้น 10.75 จุด(+0.52%)

       - ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 18.74 จุดดัชนีHSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 446.20 จุดดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 52.89 จุด,ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 17.64 จุดดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.07 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.32 จุด

         ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน

          - ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(21 พ.ย.) 1,579.20 จุด เพิ่มขึ้น 10.52 จุด(+0.67%)

        - นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 163.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.57

        - ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(21 พ.ย.)ที่ 76.51 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 0.9%

       - ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(21 พ.ย.)ที่ 7.43 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล

       - เงินบาทเปิด 32.75/76 แนวโน้มแข็งค่า หลังจีนลดดอกเบี้ยเซอร์ไพรส์ตลาด

     - คลังเตรียมออกแพ็คเกจมาตรการของขวัญปีใหม่แก่คนไทยและผู้ประกอบการรายย่อยภายใน 3 สัปดาห์ เชื่อเป็นมาตรการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ยันไม่ก่อหนี้ครัวเรือนเหมือนรถยนต์คันแรก สั่งแบงก์รัฐลดดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อย เร่งจัดตั้ง "นาโนไฟแนนซ์" ยอมสูญปีละกว่าหมื่นล้านบาทขยายเพดานลดภาษีนิติบุคคลเอสเอ็มอี "สมหมาย"ดันพ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เข้า ครม.ต้นปีหน้า

    - นักเศรษฐศาสตร์-นักการเงินต่างชาติคาดจีดีพีไทยปีหน้าปรับขึ้นมาอยู่ที่ 4% หากรัฐเร่งเพิ่มผลิตภาพ พัฒนาทักษะคุณภาพแรงงาน เร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ห่วงดอกเบี้ยขึ้นดันต้นทุนหนี้เอกชน-หนี้ ครัวเรือนพุ่ง เสี่ยงก่อภาวะช็อกคนไทยหยุดใช้จ่าย สร้างแรงกดดันเศรษฐกิจ มองการเมืองป่วนทำนโยบายรัฐไม่ต่อเนื่อง ขณะที่ประเมินจีดีพีไทยปีนี้โตเพียง 1% เหตุส่งออกท่องเที่ยวทรุด

      - หอการค้าสรุปเศรษฐกิจปีหน้าโต 3-5% ส่งออกโต 4.1% คาดเศรษฐกิจปีหน้าเริ่มฟื้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ด้านภูมิภาคหวังค้าชายแดน เขตเศรษฐกิจพิเศษขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

     - ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า สคร.กำลังเร่งแก้ปัญหา พ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐและเอกชน (พีพีพี) เนื่องจากมีนิยามที่ไม่ชัดเจน ทำให้รวบโครงการลงทุนต่างๆ มาอยู่ภายใต้กฎหมายพีพีพีหมด ซึ่งจะต้องมีการแก้ไขโดยการออกกฎหมายลูก เพื่อให้กำหนดให้ชัดเจนว่าโครงการประเภทไหนที่ควรจะเข้ามาอยู่ใน พ.ร.บ.ร่วมทุนบ้าง

     - นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้สหภาพฯ จะทำหนังสือสอบถามไปยังผู้บริหาร กฟผ.เกี่ยวกับการประมูลโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแม่เมาะแห่งใหม่ ทดแทนโรงที่ 4-7 ที่มีมูลค่าสูง 3.5 หมื่นล้านบาท เพื่อขอให้ชี้แจง โดยเฉพาะราคาค่าก่อสร้างว่าสูงเกินจริงหรือไม่

*หุ้นเด่นวันนี้

       - VPO (บมจ. วิจิตรภัณฑ์ปาล์มออยล์)เทรดวันนี้วันแรก บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินเป้าหมายปี 2015 ที่ 2.90 บาท (PE 13 เท่า)โดยคาดกำไรในปีนี้ทรงตัว แต่จะเพิ่มขึ้น 24% ในปี 2015 จากปริมาณขายที่เพิ่มและดอกเบี้ยจ่ายลดลง ที่ราคา IPO 2.70 บาทคิดเป็น PE 12.2 เท่าPBV 1.9 เท่าปีหน้า

       VPO เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบมานานกว่า 25 ปี มีกำลังผลิตรวม 180 ตันผลปาล์มทะลายต่อชั่วโมง สูงสุดในจ.ชุมพร บริษัทมีสวนปาล์มของตนเอง ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบ 14% ของวัตถุดิบรวม ที่เหลือซื้อจากภายนอก และมีโรงไฟฟ้าขนาด 8.4MW

       - KTB(เมย์แบงก์ กิมเอ็ง)"ซื้อเก็งกำไร"เป้า 26 บาท แผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรมว.คลัง ด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณใน 4Q57 หรือไตรมาสแรกของปีงบประมาณให้ได้ 32% ของงบประมาณการใช้จ่าย รวมถึงนโยบายของรัฐบาลเร่งผลักดันแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในช่วง 2-5 ปีข้างหน้า เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ ย่อมเป็นบวกต่อภาพรวมของสินเชื่อภาครัฐ โดยทิศทางสินเชื่อ 4Q57 เติบโตสูง และคาดว่าจะทำใกล้เคียงกับเป้าหมายทั้งปีของผู้บริหารที่ 6-8% (9M57 เติบโต +6.3% YTD) จากแรงหนุนของการปล่อยสินเชื่อให้กับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐฯ เนื่องจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

      - CK(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"ปรับกำไรปกติปี 2014 ขึ้น 11% เป็นโต 24% Y-Y และปรับกำไรปี 2015 ขึ้น 18.7% เป็นโต 9% Y-Y เพราะบริษัทร่วมขาดทุนน้อยกว่าคาด ยังคงเป้าหมายที่ 30 บาทเพราะกำไรที่ปรับขึ้นมีผลต่อมูลค่าทางบัญชีของธุรกิจก่อสร้างน้อยมาก

ตลาดหุ้นเอเชียทะยานขึ้นเช้านี้ ขานรับจีนลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจ

      ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา

      ดัชนี MSCI Asia Pacific ไม่รวมญี่ปุ่น ทะยานขึ้น 0.5% แตะ 475.75 จุด เมื่อเวลา 9.02 น.ตามเวลากรุงโซล

      ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 2,505.53 จุด เพิ่มขึ้น 18.74 จุดดัชนี HSIตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,883.32 จุด เพิ่มขึ้น 446.20 จุดดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 9,144.42 จุด เพิ่มขึ้น 52.89 จุดดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 1,982.48 จุด เพิ่มขึ้น 17.64 จุดดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,349.39 จุด เพิ่มขึ้น 4.07 จุด และดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,811.45 จุด เพิ่มขึ้น 2.32 จุด

    ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันหยุดชดเชยวันขอบคุณผู้ใช้แรงงาน

    ทั้งนี้ การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน : ฟุตซี่ปิดพุ่ง 71.86 จุด หลังจีนลดดบ.หนุนหุ้นเหมือง,พลังงาน

     ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) นำโดยหุ้นบริษัทเหมืองและก๊าซ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อเพิ่มการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศซึ่งเป็นผู้ใช้โลหะภาคอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของโลก

    ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด สำหรับตลอดสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 1.5% ซึ่งนับเป็นการปรับตัวขึ้นห้าสัปดาห์ติดต่อกัน และดัชนีปรับตัวขึ้นแล้ว 3.79% ตั้งแต่ต้นปี

   หุ้นแองโกล อเมริกันริโอ ทินโตทุลโลว์ ออยล์ และบีเอชพี บิลลิตัน ต่างปรับตัวขึ้น เพราะได้แรงหนุนจากการลดดอกเบี้ยของจีน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสองปี

       นอกจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนแล้ว การที่ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ได้ให้คำมั่นว่าจะขยายโครงการกระตุ้นของธนาคาร ก็ช่วยหนุนภาวะการซื้อขายในตลาดด้วยเช่นกัน และดันดัชนีหุ้นลอนดอนแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน

      ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานในวันศุกร์ว่า การกู้ยืมสุทธิในภาคสาธารณะของอังกฤษอยู่ที่ 7.7 พันล้านปอนด์ (หรือ 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนต.ค.2557 ซึ่งลดลง 0.2 พันล้านปอนด์จากเดือนต.ค.2556

       หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่ง 6.69% เป็นแกนนำหุ้นบวก ตามด้วยริโอ ทินโต 6.18% ทุลโลว์ ออยล์ บวก 5.80% เฟรสนิลโลว์ 5.31% และบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 5.02%

       ส่วนหุ้นลบนำโดยอิมพีเรียล โทแบคโก กรุ๊ป ที่ร่วงลง 1.33% ทียูไอ ทราเวล ลบ 0.87% หุ้นคาร์นิวัล ลบ 0.80% หุ้นอีซีเจ็ทลดลง 0.77% และรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป ลดลง 0.76%

ภาวะตลาดหุ้นยุโรป : หุ้นยุโรปปิดบวกรับแบงก์ชาติจีนลดดบ.,ถ้อยแถลงปธ.อีซีบี

      ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (21 พ.ย.) หลังจากที่ปรับตัวลงติดต่อกันมาสองวัน โดยภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากการที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวย้ำว่าอีซีบีจะเร่งผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนปรับตัวขึ้นเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และจากการที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยโดยไม่คาดหมาย

     ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 2.1% ปิดที่ 345.24 จุด และเพิ่มขึ้น 2.9% ในสัปดาห์นี้

      ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดวันทำการล่าสุดเพิ่มขึ้น 113.02 จุด หรือ 2.67% ที่ระดับ 4,347.23 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 248.58 จุด หรือ 2.62% ปิดที่ 9,732.55 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 71.86 จุด หรือ 1.08% ปิดที่ 6,750.76 จุด

      ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นคึกคัก โดยนอกจากดัชนีหุ้นของสามประเทศชั้นนำข้างต้นแล้ว ดัชนีหุ้นของสเปนก็พุ่งขึ้น 3.1% อิตาลีพุ่ง 3.9% และโปรตุเกสบวก 2.5% เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ว่าอีซีบีจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ประกอบกับการประกาศลดดอกเบี้ยของจีนได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ให้พุ่งสูงขึ้น

      นักวิเคราะห์กล่าวว่า มีสองปัจจัยหนุนตลาดในวันศุกร์ ประการแรกคือการที่นายดรากิกล่าวถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นโดยเร็ว ซึ่งจุดกระแสคาดการณ์เพิ่มมากขึ้นถึงความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ หรือ QE ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยหนุนภาวะซื้อขายคือการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าจีนก็มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเช่นกัน

     โดยประธานอีซีบีกล่าวในการประชุม European Banking Congress ในแฟรงค์เฟิร์ตว่า อีซีบีต้องผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้นโดยเร็ว และจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น ซึ่งนายดรากิไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

     ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยเผยว่า เจ้าหน้าที่ของอีซีบีกำลังศึกษาวิธีการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาสสาม และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.4% เทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของอีซีบีที่ 2%

    ด้านธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้

     การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดาวโจนส์ปิดบวก 91.06 จุด รับกระแสกระตุ้นศก.จีน,ยุโรป

     ดัชนี ดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (21 พ.ย.) โดยดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ยังคงเดินหน้าทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่ธนาคารกลางทั่วโลกต่างเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

     ดัชนี เฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 91.06 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 17,810.06 จุด ดัชนีS&P 500 บวก 10.75 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 2,063.50 ดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 11.10 จุด หรือ 0.24% ปิดที่ 4,712.97 จุด

    สำหรับ ทั้งสัปดาห์ ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 5 โดยดาวโจนส์บวก 1.0%S&P 500 ปรับตัวขึ้น 1.2% และ Nasdaq บวก 0.5%

    ทั้งดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 17,894.83 จุด และ 2,071.46 จุดตามลำดับ หลังจากที่ทั้งสองดัชนีเพิ่งปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันพฤหัสบดี จากการเปิดเผยข้อมูลยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค.ของสหรัฐซึ่งปรับตัวขึ้นผิดไปจากที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้

    ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากที่เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปี ลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี ลง 0.4% สู่ระดับ 5.6% โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์นี้

   การประกาศลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.ค. 2555 ซึ่งถือเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีนในการเดินหน้าสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ ภายหลังจากที่ได้มีการอัดฉีดสภาพคล่อง และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์แบบกำหนดเป้าหมาย

    ขณะเดียวกันนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวในการประชุมEuropean Banking Congress ในแฟรงค์เฟิร์ตว่า อีซีบีพร้อม "ทำในสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อและอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" และจะขยายโครงการซื้อสินทรัพย์หากจำเป็น ซึ่งนายดรากิไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้เรื่องการซื้อพันธบัตรรัฐบาล

    นายดรากิได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นของตนเองว่าจะใช้มาตรการเชิงรุกมากขึ้น ซึ่งรวมถึงการซื้อสินทรัพย์ขนานใหญ่ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาในยูโรโซน

   ก่อนหน้านี้ เขาได้เคยเผยว่า เจ้าหน้าที่ของอีซีบีกำลังศึกษาวิธีการต่างๆเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยูโรโซนที่ขยายตัวเพียง 0.2% ในไตรมาสที่ผ่านมา และเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 0.4% ซึ่งต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเป้าหมายเงินเฟ้อของอีซีบีที่ 2%

    ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางจีนและธนาคารกลางยุโรปมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่เมื่อวันพฤหัสบดี มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลทางการเงิน ได้เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนปรับตัวลดลงแตะ 51.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ขณะที่เอชเอสบีซีเผยดัชนี PMI เบื้องต้นเดือนพ.ย.ของจีน ปรับตัวลดลงแตะที่ 50 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

   ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กขยับลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวัน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนขายหุ้นเพื่อทำกำไร หลังจากที่หุ้นพุ่งสูงในช่วงเปิดตลาด

                อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!