หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

JAS เผย ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง JASIF มูลค่า 5.5-5.77 หมื่นลบ. คาดขายทันในปีนี้ ชูปันผลปีแรก 8.59-9.02%

   JAS เผย ก.ล.ต. นับ 1 ไฟลิ่ง JASIF มูลค่า 5.5-5.77 หมื่นลบ. คาดขายทันในปีนี้ ชูปันผลปีแรก 8.59-9.02% และมีนโยบายจ่ายปีละ 2 ครั้ง ไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ ย้ำสินทรัพย์ที่ขายเข้ากองทุนไม่เกี่ยวกับคดีความ ไม่กระทบผุ้ถือหน่วยแน่นอน พร้อมคาดรายได้ปีหน้าโต 30% ตั้งงบลงทุน 6-7 พันลบ. ขยายโครงข่าย หวังเพิ่มฐานลูกค้าแตะ 2 ล้านราย จาก 1.6 ล้านรายในปีนี้ ส่วนปีนี้มั่นใจรายได้โตตามเป้า 15-20% - กำไรมากกว่าปีก่อน

    นายพิชญ์ โพธารามิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งไฟลิ่งของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) แล้วเมื่อ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตรายแรกในประเทศไทย โดยมีมูลค่าของกองทุนประมาณ 55,000-57,750 ล้านบาท จำนวนหน่วยลงทุน 5,500 ล้านหน่วย คาดจะมีผู้ถือหน่วยลงทุนซึ่งเป็นผู้จองซื้อทั่วไป 806.85 ล้านหน่วย

  ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่นักลงทุนจะได้รับ ตามหนังสือชี้ชวนจะอยู่ที่ 8.59-9.02% แบ่งเป็นเงินปันผล 7.80-8.19% และการจ่ายลดทุน 0.80-0.84% อันเนื่องมาจากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากค่าเช่ารับล่วงหน้า

    JASIF จะมีทรัพย์สินที่กองทุนเข้าลงทุนในครั้งแรก ได้แก่ กรรมสิทธิ์ในเส้นใยแก้วนำแสง 9.8 แสนคอร์กิโลเมตร ประกอบด้วย เส้นใยแก้วนำแสง จำนวนรวมไม่น้อยกว่า 8 แสนคอร์กิโลเมตร ที่บริษัทฯ ทริปเปิ้ลทรี บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) (TTTBB) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS จะส่งมอบให้ JASIF ณ วันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น และเส้นใยแก้วนำแสงจำนวนรวมประมาณ 1.8 แสนคอร์กิโลเมตร ที่ TTTBB จะส่งมอบให้ JASIF ภายใน 2 ปี นับจากวันซื้อขายเส้นใยแก้วนำแสงเสร็จสิ้น

      ด้านนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่าย ระบุว่า การเปิดจองซื้อหน่วยลงทุน JASIF สำหรับนักลงทุนทั่วไป จะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับอนุมัติจัดตั้งกองทุนจากก.ล.ต. สำหรับวิธีการจัดสรร นักลงทุนทั่วไปจะใช้วิธี Small - Lot First ในรอบแรกตามจำนวนซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วย และในรอบต่อๆ ไป รอบละ 100 หน่วย โดยไม่จำกัดจำนวยหน่วยลงทุนที่จะจองซื้อต่อ 1 ใบจอง ในกรณีที่ หน่วยลงทุนไม่เพียงพอต่อการจัดสรรจะใช้วิธีสุ่มคัดเลือกผู้จองซื้อ

    ทั้งนี้ คาดว่ากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน JASIF จะสามารถขายได้ทันภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการอนุมัติจากทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมยืนยันว่าสินทรัพย์ที่อยู่ในกอง JASIF ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความระหว่าง JAS กับทีโอที และจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหน่วยแน่นอน ไม่ว่าผลการตัดสินคดีจะออกมาในรูปแบบไหน

     โดยกองทุน JASIF มีจุดเด่นหลายประการ ประกอบด้วย 1. มีรายได้ค่าเช่าสม่ำเสมอ และมีสัญญาเช่าเส้นใยแก้วนำแสง และมีสัญญาณเช่าระยะยาวถึง 11 ปี โดยในปี 2558 คาดว่ากองทุนจะมีกำไรสุทธิ 496.29 ล้านบาท ซึ่งกอง JASIF มีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 90% ของกำไรสุทธิ และจะจ่ายปีละ 2 ครั้ง โดย JAS เข้าถือหน่วยลงทุน 33.33% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมด ในปีที่ 1-3 และจะถือหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 19% ในปีที่ 4-6 ซึ่งทาง JAS ได้ยืนยันว่าจะมีนโยบายถือหน่วยลงทุนที่ 33.33% และไม่ลดการถือหน่วย เนื่องจากมองว่าเป็นกองทุนที่ให้เงินปันผลในระดับสูง ซึ่งเงินปันผลดังกล่าวได้รับการยกเว้นภาษี

   สำหรับ การกำหนดราคาจะใช้วิธีการสำรวจความต้องการ หรือ Book Building ซึ่งต้องรอการอนุมัติจากก.ล.ต. จึงจะกำหนดช่วงเวลาและช่วงราคาได้ ขณะที่หน่วยลงทุนจำนวน 5,500 ล้านหน่วยนั้น จะแบ่งขายให้กับนักลงทุนในประเทศ 60% แบ่งเป็นผู้จองซื้อทั่วไป 806.85 ล้านหน่วย ผู้จองซื้อพิเศษ 660.00 ล้านหน่วย และ JAS 1,833.15 ล้านหน่วย โดยจะเสนอขายให้กับนักลงทุนต่างประเทศ 40% ซึ่งเงินที่ได้รับจากการขายหน่วยลงทุนครั้งนี้จะนำไปซื้อสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสง ราว 4.55-4.78 หมื่นล้านบาท และจะนำไปซื้อสินทรัพย์เส้นใยแก้วนำแสงในอนาคต ซึ่ง ทริปเปิ้ลทรี บรอดแบนด์ จะโอนให้แก่กองทุนในช่วงระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ซื้อขายเสร็จสิ้น คิดเป็นมูลค่า 9.47-9.94 ล้านบาท ส่วนเงินที่เหลือจะใช้เป็นกองทุนหมุนเวียนของกองทุน

    นายพิชญ์ กล่าวอีกว่า ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้ารายได้จากการดำเนินงานไม่รวมการขายกองทุน JASIF เติบโต 30% พร้อมคาดว่ากำไรจะมากกว่าปีนี้ ซึ่งจะมาจากการขยายตัวในเชิงรุก โดยตั้งงบลงทุน 6-7 พันล้านบาท เพื่อใช้ขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ ให้ครอบคลุมความต้องการใช้มากยิ่งขึ้น ตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าแตะ 2 ล้านราย จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.6 ล้านราย

     สำหรับ ผลการดำเนินงานปีนี้ มั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ทำได้ 11,260.21 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 3,002.51 ล้านบาท เนื่องจากจำนวน ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด จำนวนลูกค้าของ บริษัทฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ในอันดับสองของอุตสาหกรรมจากก่อนหน้านี้ที่อยู่อันดับ 3 โดยเป็นรองเพียงทรู ซึ่งมีจำนวนลูกค้า ณ ไตรมาส 2 ที่ 1.9 ล้านราย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!