BRR คาดปี 58 กำไรสุทธิโต 50% หลังรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าเพิ่ม ดันสัดส่วนกำไรแตะ 30%
BRR คาดปี 58 กำไรสุทธิโต 50% หลังรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ตามกำลังการผลิตที่เพิ่ม ดันสัดส่วนกำไรแตะ 30% จากเดิม 20% ระบุโรงไฟฟ้าแห่งที่ 2 จ่ายไฟ เม.ย.นี้ ส่วนโรงไฟฟ้าแห่งที่ 3 จะสร้างเสร็จปีนี้ เริ่มขายไฟเข้าระบบต้นปีหน้า พร้อมระเผย อยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตร 2 ราย ผลิตเอทานอล กำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท น้ำตาลบุรีรัมย์ จำกัด (มหาชน)หรือ BRR คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทฯในปีนี้ จะเติบโต 50% จากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 235.97 ล้านบาท หลังจะรับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวมในปีนี้ หรือคิดเป็น 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งแรก 200 ล้านบาท และแห่งที่สองอีก 250 ล้านบาท
ขณะที่สัดส่วนกำไรจากธุรกิจพลังงานทดแทนจะเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 20%
สำหรับธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวลแห่งที่สอง มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ พร้อมจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ จำนวน 8 เมกะวัตต์ ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคในเดือนเม.ย. นี้ ในสัญญารับซื้อไฟแบบ FiT ซึ่งมีราคารับซื้อไฟฟ้าต่อหน่วยสูงขึ้น 0.93 บาทต่อหน่วย เป็น 4.53 บาทต่อหน่วย
ส่วนความคืบหน้าโรงไฟฟ้าชีวมวลโรงที่ 3 กำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และเริ่มจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงเดือน ม.ค. ถึง ก.พ. 2559
นายอนันต์ กล่าวถึงความคืบหน้าโรงงานเอทานอล กำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร ขณะนี้กำลังเจรจากับพันธมิตรอยู่ 2 ราย ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตน้ำมัน โดยโรงเอทานอลแห่งนี้จะใช้งบลงทุน 500-600 ล้านบาท และสามารถผลิตไฟฟ้าจากไบโอแก๊ส ได้ 6 เมกะวัตต์
"ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ว่าพันธมิตรที่คุยอยู่เป็นใคร แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือนพ.ค. ซึ่งเราจะแถลงความคืบหน้าอีกครั้ง"นายอนันต์ กล่าว
ด้านธุรกิจโรงงานน้ำตาลทรายในปีนี้คาดว่าจะรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบได้ 2.2 ล้านตันอ้อย ผลิตน้ำตาลทรายได้ 2.5 แสนตัน
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
BRR คาดปี 58 กำไรสุทธิโต 50% จากรับรู้ฯโรงไฟฟ้า-กำลังผลิตเพิ่ม
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) คาดว่า กำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 50% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 241 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจโรงงานน้ำตาลทรายเพิ่มกำลังการผลิตที่จะรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบได้ 2.2 ล้านตันอ้อย ผลิตเป็นน้ำตาลทรายได้ประมาณ 2.5 แสนตัน จากปีก่อนที่ผลิตได้ 2.08 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 5 แสนตัน ที่มาจากการบริหารจัดการด้านประสิทธิภาพการผลิตที่ดีทำให้ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ และยังทำกำไรเพิ่มขึ้น
โดยในฤดูการผลิตปัจจุบัน ผลผลิตน้ำตาลต่อตันต่ออ้อยของบริษัทอยู่ในอันดับที่ 3 ของประเทศ หรือ 115 กก./ตันอ้อย อีกทั้งยังมีผลพลอยได้ที่เป็นกากน้ำตาลเพื่อจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพิ่มเป็น 80,000 ตันจากปีก่อน ที่มีปริมาณอยู่ที่ 70,000 ตันอีกด้วย
นอกจากนี้ ในปีนี้ รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 หรือ โรงไฟฟ้าบุรีรัมย์เพาเวอร์ ที่มีกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ และ BRR ทำสัญญาพร้อมจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ จำนวน 8 เมกะวัตต์ ให้แก่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ในรูปแบบ FiT ซึ่งมีราคารับซื้อไฟฟ้าต่อหน่วยสูงขึ้นจากเดิม 3.60 บาท เป็น 4.53 บาทต่อหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 0.93 บาทต่อหน่วย ได้ในเดือน เม.ย.นี้
"เรามั่นใจว่า ปีนี้จะเป็นปีที่ BRR เติบโตได้แบบก้าวกระโดดซึ่งมาจากฐานธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายที่เรามีผลผลิตน้ำตาลทรายที่มากขึ้น และต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง อีกทั้งยังสามารถสร้างเม็ดเงิน รายได้และกำไรที่แข็งแกร่งจากธุรกิจพลังงานทดแทนอีกด้วย"นายอนันต์ กล่าว
นายอนันต์ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทมีเป้าหมายต้องการดันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวมปีนี้ หรือคิดเป็นรายได้ 450 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งแรก 200 ล้านบาท และโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 2 อีก 250 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจพลังงานทดแทน จะเพิ่มเป็น 30% จากเดิมที่มีสัดส่วนกำไรอยู่ที่ 20%
บริษัทคาดว่าในช่วง 3 ปีจากนี้ไปบริษัทจะมีการพัฒนาธุรกิจด้านพลังงานทดแทนต่อเนื่อง และจะทำให้สัดส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นมาเป็น 50%
นายอนันต์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลแห่งที่ 3 ขนาดกำลังการผลิต 9.9 เมกะวัตต์ คาดใช้เงินลงทุน 600 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าแล้วเสร็จปี 58 และสามารถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในช่วง ก.พ.-มี.ค. 59
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 2 ราย เพื่อเข้าร่วมลงทุนผลิตเอทานอล ขนาดกำลังการผลิต 1.5 แสนลิตร/วัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งสัดส่วนการลงทุนและพันธมิตรในเดือน พ.ค.นี้ เบื้องต้น โครงการผลิตเอทานอลดังกล่าว มีมูลค่าการลงทุนประมาร 500-600 ล้านบาท และจะนำกากที่เหลือนำไปผลิตไบโอแก๊ส ซึ่งบริษัทจะนำไปผลิตไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์
อินโฟเควสท์